ภาพหัว
วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559
แสงกับความเร็ว
ทฤษฏีสัมพัทธภาพแบ่งออกเป็นสองทฤษฏี ทฤษฏี1คือความเร็วทำให้เวลาเดินช้าลงและหลังจากนั้นอีกสิบปี ไอน์สไตน์ก็ค้นพบทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปที่อธิบายว่าความเร่งก็ทำให้เวลาเดินช้าลงด้วย
ดั้งนั้นระหว่างยานอวกาศสองลำ ลำหนึ่งแล่นกวดลำแสงด้วยความเร็วคงที่กับยานที่แล่นด้วยความเร็วมากขึ้นๆ นาฬิกาที่อยู่บนยานอวกาศที่มีความเร่งจะเดินช้าลงเรื่อยๆ และเมื่อเร่งถึงจุดหนึ่งเวลาจะหยุดเดิน นั้นหมายความว่าการเร่งไม่มีทางที่จะเพิ่มความเร็วจนแซงเอาชนะแสงได้เพราะแสงจะทำให้เวลาบนยานลำนั้นหยุดเดินเสียก่อนเมื่อเวล่หยุดเซลล์ทุกเซลล์เครื่องจักรทุกชิ้นจะหยุดทำงานดั้งนั้นการเร่งความเร็วจนทะลุมิติจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเปรี่ยนเทียบกระแสเสียงเป็นกระแสน้ำที่ไหลไปตามคลองโค้งเป็นรูปตัวCแสงต้องใช้ระยะทางในการเดินทางจากปลายตัวcด้านหนึ่งไปยังปลายอีกด้านหนึ่งไกลกว่าการวิ่งเป็นแนวเส้นตรง(ในทางฟิสิกส์ถือว่าความเร็วต้องวัดจากตำแหน่งที่เปลี่ยนไปหารด้วยเวลาดั้งนั้นคนที่วิ่งรอบสนามฟุตบอลแล้วกลับมายืนที่เดิมความเร็วเท่ากับ0เพราะตำแหน่งไม่ได้เปลี่ยนไป)สมุตติว่าคลองตัวcนี้ใหญมากยาว300000กิโลเมตร ดั้งนั้น แสงต้องใช้เวลาวิ่ง1 วินาทีคามแนวโค้งจากปลายบนมายังปลายล่างแต่ถ้าวิ่งเป็นเส้นตรงดิ่งจากปลายบนลงมายังปลายล่างของตัวcจะใช้ระยะทางเพียง150000กิโลเมตรทางวิทยาศาสตร์ถือว่าใน1 วินาทีนั้นแสงวิ่งไปได้เพียง150000กิโลเมตร(ระยะตำแหน่งที่เปลี่ยนตามแนวเส้นตรง)ไม่ใช้300000กิโลเมตร(ระยะทางคามเส้นโค้ง)นั้นก็หมายความว่าแสงมีความเร็วเพียง150000กิโลเมตรต่อวินาที วึ้งเป็นไปไม่ได้ ดั้งนั้นถ้าแสงเดินทางเป็นเส้นโค้งเช่นตามรูปตัวcแสงจะไปดึงเวลาให้ช้าลง เข็มวินาทีในนาฬิกาของคนที่วัดความเร็วแสงจะกระดิกช้าลง2เท่า กลายเป็น150000กิโลเมตรต่อ0.5วินาที ทำให้วัดความเร็วของแสงได้ 300000 กิโลเมตรต่อวินาทีเช่นเดิม ถ้าเราวิ่งด้วยความเร็ว15เมตรต่อวินาที่ แต่เราคาถาเสกให้นาฬิกาของเพื่อนที่วัดความเร็วเราเดินช้าลง2เท่าโดยที่เพื่อนไม่รู้ตัวเพื่อจะวักความเร็วในการวิ่งของเราได้15เมตรต่อ0.5วินาทีหรือกลานเป็น30เมตรต่อวินาทีซึ่งแสงสามารถสร้างอภินิหารการยืดเวลาเช่นนี้ได้จริงๆ(เพื่อความเขาใจที่ง่ายจึงสมมุติเป็นตัวเลขลงตัวถ้าแสงเดินทางผ่านดาวดวงใหญซึ่งมีแรงดึงดูดสูงแสงจะโค้งมากกว่าดาวดวงเล็กที่มีแรงดึงดูดต่ำ
มีคำถามว่าแล้วทำไหมเราจึงไม่เห็นปรากฏการณ์แสงโค้งบนพื้นโลก คำตอบคือแสงเดินทางเร็วมาก แสงเดินทางเร็วมาก ใน1วินาทีไปได้ไกลถึง300000กิโลเมตร ความจริงแล้วเเสงเป็นอนุภาคต้องถูกโลกดูดลงมาเช่นเดียวกับวุตถุอื่นๆเวลาเราเล่นบันจี้จั้มป์ วินาทีแรกที่ตกลงมาเราจะตกลงมาก9.8เมตรเช่นเดียวกับแสงถ้าเราฉายไฟออกไปในวินาทีแรกแสงจะถูกโลกดูดลงมา9.8เมตรเช่นกัน แต่อย่าลืมว่า9.8เมตรที่ตกลงมาอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งที่ห่างออกไป300000กิโลเมตรซึ่งตาของเราไม่มีทางมองเห็นแสงโค้งได้แต่ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ไกลพอที่จะทำให้ได้ว่าแสงถูกดวงอาทิตย์ดูดจนเปลี่ยนทิศทางง
เครดิต:หนังสือไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็นII
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559
จิต กับ การยืดหดของเวลา
.จิตของคนเรามีความไวสูงกว่าแสง และสติ ก็คือเจตสิก(องค์ประกอบ)ของจิตตัวหนึ่งที่จะติดไปดวงจิตด้วย ดังนั้น ผู้ที่สามารถกำหนดสติให้ไวทันดวงจิต จะเห็นการยืดหดของเวลา เพราะแสงทำให้เกิดเวลาตามทฤษฎีสัมพัทธภาพ เมื่อเอาชนะความเร็วแสงได้ ก็คือ การเล่นกับเวลานั่นเอง
ความลับนี้ ท่านปรมาจารย์ตั๊กม้อ ได้นำไปถ่ายทอดในวัดเส้าหลิน โดยให้กำหนดสติไปที่การเคลื่อนไหวขณะฝึกมวยจีน (กายานุสติปัฏฐาน) ทำให้ผู้ฝึกมีการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ไวมากๆ แม้จะเป็นการฝึกเพื่อสุขภาพ แต่ผลพลอยได้คือ หลวงจีนวัดเส้าหลินหรือเสี้ยวลิ้มยี่ ได้รับการยอมรับว่าวรยุทธ์สูงส่งที่สุดในประเทศจีน มีอยู่ครั้งหนึ่ง จักรพรรดิถังไท่จง มหาราชที่ยิ่งใหญ่ของชาวจีน ขณะอยู่ในวัยเด็กได้ถูกกลุ่มกบฏจับตัวไป เพื่อจะล้มล้างยึดอำนาจราชวงศ์ หลวงจีนวัดเส้าหลินจำนวน 13 รูป บุกฝ่าเข้าไปถึงกลางค่ายกบฏซึ่งล้อมรอบไปด้วยพลธนู และกองกำลังป้องกันฝีมือดีนับพัน ซึ่งถ้าคิดในเชิงตรรกะ ไม่น่าจะหลุดรอดไปได้ แต่ปรากฏว่า หลวงจีนทั้งหมดสามารถฝ่าเข้าไปถึงใจกลางกองทัพกบฎและช่วยจักรพรรดิ์ถังไท่จงออกมาได้ราวปาฏิหาริย์ เรื่องนี้ได้ถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในประวัติศาสตร์จีน และหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้หยั่งรากลึกในประเทศจีน และโปรดให้ จารึกเรื่องราววีรกรรมของหลวงจีนทั้ง 13 รูป ไว้บนแผ่นศิลา พร้อมลงลายพระหัตถ์พระนามของพระองค์ ซึ่งทุกวันนี้ ก็ยังคงตั้งแสดงอยู่ เป็นประจักษ์หลักฐานfficeffice" />>>
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็ทรงฝึกเจริญสติอย่างสม่ำเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ทรงโปรดให้ ลักไวทำมูแม่ทัพเอก รวบรวมทหารฝีมือดีที่สุดของพม่านับพันคน วางแผนหลอกล่อให้ม้าศึกของพระองค์วิ่งเตลิดหลุดเข้ามาอยู่กลางค่ายของพม่าแต่เพียงลำพัง แล้วเข้ารุมล้อมจับสมเด็จพระนเรศวร ปรากฏว่า ไม่มีใครสามารถทำอันตรายพระองค์ได้เลย จนลักไวทำมูที่เฝ้าดูอยู่ ทนไม่ไหว ควบม้ารี่ตรงเข้ามาจะประลองยุทธ์กับพระองค์ แต่ไม่นานนัก ลักไวทำมูก็ถูกพระแสงทวนแทงเสียชีวิต >>
ปรากฎการณ์นี้ สามารถเกิดขึ้นกับปุถุชนคนธรรมดาได้ ในขณะเกิดวิกฤติ เช่น เมื่อตกบันได ตกจากที่สูง ขณะขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ กำลังจะจมน้ำ ฯลฯ ณ ขณะนั้นกำลังสติจะพุ่งพรวด และไวขึ้นเพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน ช่วงเวลานั้นจะสามารถคิดได้ไวกว่าปกติประมาณ 3-5 เท่า มองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัว เคลื่อนไหวแบบช้าๆ ( Slow motion ) แต่สำหรับผู้ที่ฝึกสติอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถนำปรากฎการณ์นี้มาใช้เมื่อใดก็ได้เท่าที่ต้องการ โดยที่ไม่ต้องรอให้เกิดวิกฤติขึ้นก่อน
ปรากฎการณ์เห็นเวลายืด (Clock up) เกิดจากการที่มีสติไวกว่าปกติประมาณ 5-10% ซึ่งยังคงอยู่ในมิติปัจจุบันเพียงแต่เห็นสิ่งต่างๆเคลื่อนไหวช้าลง แต่เมื่อใดที่กำลังสติไวเกิน 50% จะเกิดการทะลุมิติ เพราะเวลาในแต่ละมิติเดินเร็วช้าไม่เท่ากัน เมื่อสามารถกำหนดจิตให้ช่วงของเวลาไปซ้อนทับกับเวลาของมิติอื่นได้ จะพบความจริงอันน่าอัศจรรย์ ที่มีมิติอื่นๆ ซ้อนทับโลกสามมิติอยู่อีกมากมาย
Credit : http://board.palungjit.com
Credit http://www.sc.mahidol.ac.th/scbi/MUBio_Webboard.php?Action=ViewTopic&TopicID=1765&Lang=Eng
By: KT 15/03/2016
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559
การเกิดหลุมดำในอวกาศ
หลุมดำ (อังกฤษ: black hole) หมายถึงเทหวัตถุในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก ไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสง ยกเว้นหลุมดำด้วยกัน เราจึงมองไม่เห็นใจกลางของหลุมดำ หลุมดำจะมีพื้นที่หนึ่งที่เป็นขอบเขตของตัวเองเรียกว่าขอบฟ้าเหตุการณ์ ที่ตำแหน่งรัศมีชวาร์สชิลด์ ถ้าหากวัตถุหลุดเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์ วัตถุจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกจากขอบฟ้าเหตุการณ์ได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่วัตถุใดจะมีความเร็วมากกว่าแสง วัตถุนั้นจึงไม่สามารถออกมาได้อีกต่อไป
เมื่อดาวฤกษ์ที่มีมวลมหึมาแตกดับลง มันอาจจะทิ้งสิ่งที่ดำมืดที่สุด ทว่ามีอำนาจทำลายล้างสูงสุดไว้เบื้องหลัง นักดาราศาสตร์เรียกสิ่งนี้ว่า "หลุมดำ" เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำด้วยกล้องโทรทรรศน์ใดๆ เนื่องจากหลุมดำไม่เปล่งแสงหรือรังสีใดเลย แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุ และคลื่นโน้มถ่วงของหลุมดำ (ในเชิงทฤษฎี โครงการ แอลไอจีโอ) และจนถึงปัจจุบันได้ค้นพบหลุมดำในจักรวาลแล้วอย่างน้อย 6 แห่ง
หลุมดำเป็นซากที่สิ้นสลายของดาวฤกษ์ที่ถึงอายุขัยแล้ว สสารที่เคยประกอบกันเป็นดาวนั้นได้ถูกอัดตัวด้วยแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นเพียงมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่านิวเคลียสของอะตอมเดียว ซึ่งเรียกว่า เอกภาวะ
หลุมดำแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ หลุมดำมวลยวดยิ่ง เป็นหลุมดำในใจกลางของดาราจักร, หลุมดำขนาดกลาง, หลุมดำจากดาวฤกษ์ ซึ่งเกิดจากการแตกดับของดาวฤกษ์, และ หลุมดำจิ๋วหรือหลุมดำเชิงควอนตัม ซึ่งเกิดขึ้นในยุคเริ่มแรกของเอกภพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)